วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หนังสือเกี่ยวกับอัญมณีที่น่าอ่าน -The Secret of the Gem Trade



                                
                            


                     หนังสือน่าอ่าน  -The Secret of  the Gem Trade.
      อุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับอัญมณี ยังคงเป็นเรื่องที่สุดแสนลึกลับ แม้ว่าทุกวันนี้เราจะอยู่ในยุคเทคโนโลยี สารสนเทศที่ล้ำหน้าก้อตาม ในการจัดพิมพ์หนังสือเรื่องThe Secret of the Gem Trade เล่มนี้ ทั้งครั้งที่ 1และครั้งที่2 ผู้เขียนคือ  Mr.Richard W. Wiseได้พุ่งเป้าเกี่ยวกับ ความลับของการค้าอัญมณี ซึ่งทั้งผู้ที่เริ่มต้นสนใจและผู้บริโภคสินค้าอัญมณี มีความต้องการเข้าถึงแหล่งข้อมูลดังกล่าว  ด้วยประสบการณ์กว่า30ปี ในแวดวงอัญมณีของผู้เขียน  Mr.Wise ได้แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของการเป็นผู้ถ่ายทอดในสายงานอันยอดเยื่ยมครั้งนี้ 
  ตั้งแต่เริ่มแรก ผู้เขียน ได้ฝึกงานเป็นช่างทำทองก่อนที่จะเข้าสู่วงการและแจ้งเกิดเป็นนักธุรกิจอัญมณีที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเขาที่ต้องการจะสื่อไปยังผู้อ่าน  หนังสือเล่มนี้ของเขา เป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การพิมพ์ครั้งแรกใน ปี พุทธศักราช 2545 ในการพิมพ์ครั้งที่สองนี้ ผู้เขียนได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอัญมณีสำคัญต่างๆทั่วโลก ทั้งแหล่งวัตถุดิบ ศุนย์กลางแหล่งผลิตแปรรูป และแหล่งการค้าอัญมณี
  ความพยายามนี้ ได้สะท้อนปรากฏอยู่ในเนื้อหา ที่ละเอียดซับซ้อนอย่างแยบยลในหลายๆบท ผู้แต่งได้เขียนถึง ใจความส่วนสำคัญๆ ทั้งแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆของอัญมณี แหล่งทับทิมในทวีปแอฟริกาตะวันออก รวมทั้งแหล่งวัตถุดิบสำคัญๆแต่ครั้งในอดีตซึ่งปัจจุบันได้มีปริมาณลดจำนวนลงอย่างมากแล้วก้อตาม และในส่วนสรุปผู้เขียนยังได้ นำเสนอบทความ เกี่ยวกับ ทับทิม และไพลิน รวมถึงพลอยแดงสปิเนล เป็นการเพิ่มเติม ข้อมูลแก่ ผู้อ่านอย่างครบถ้วนอีกด้วย
   ผู้เขียน ได้เพิ่มบทเนื้อหา เกี่ยวกับหยกและไข่มุก (ทั้งไข่มุกน้ำเค็มที่ได้จากหอยมุกสองฝาและไข่มุกที่ได้จากหอยตระกูลหอยสังข์)  โกเมนเขียว(ดีเมนทรอยการ์เนต-Demantoid Garnet) เขียวส่อง เพอริดอท มูนสโตน และซันสโตน โดยมีบทเกริ่นนำเกี่ยวกับอัญมณี ข้างต้นที่กล่าวมา ยกเว้นโกเมนเขียวดีเมนทรอย และได้มีการเพิ่มบทคำนำใหม่ สำรับเพชรสีฟ้าอ่อน อีกด้วย
   ผมพิจารณาเป็นพิเศษในบทเรื่องหยก ที่ผู้เขียนได้ไปศึกษาหาข้อมูลมา และจาก ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ขียน จากย่านแปรรูปหินหยกที่สำคัญในประเทศจีน  ในบทความเจ็ดบทแรกของหนังสือเล่มนี้ นำเสนอข้อมูล ที่สำคัญ เปรียบสเหมือนการสัมนาของผู้เชี่ยวชาญ  เนื้อหาสาระที่ปรากฏในบทความ เริ่มด้วย ประวัติศาสตร์และแนวคิดเรื่องอัญมณี และเปรียบเทียบกับแนวคิดเรื่องอัญมณีในสมัยใหม่ ซึ่งใจความของเนื้อหา มีเสาหลักสำคัญๆอยู่บางประการ ของวงการอุตสาหกรรมอัญมณีสมัยใหม่  เช่น การคัดแยกและจัดคุณภาพตามเกณฑ์มาตราฐาน เรื่องของสีและการจำแนกสี การจำแนกคุณสมบัติพิเศษของอัญมณีในบางกรณีที่เฉพาะเจาะจง  การเพิ่มคุณค่า และมูลค่าของอัญมณี  และนำเสนอภาพรวมของแหล่งอัญมณีใหม่ๆ  ในบทที่แปดผู้เขียนได้นำเสนอหัวข้อเฉพาะเจาะจงลงไปในรายละเอียดของอัญมณีแต่ละชนิด และเจาะลึกลงไปในแต่ละกลุ่มชนิด ซึ่งผู้เขียนได้เขียนคำนำก่อนที่จะแจกแจงรายละเอียดลงไป เช่น มีบทนำเกี่ยวกับเรื่องไข่มุก ซึ่งหลังจากนั้นได้มีอีกสี่หัวข้อบทย่อยที่ ให้รายละเอียดของไข่มุกแต่ละชนิดที่ต่างกัน 
   หนังสือเล่มนี้ สามารถใช้เป็นคู่มือ ค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับ อัญมณีศาสตร์ แต่ก้อยังมีข้อแตกต่างบางอย่างเมื่อเทียบกันกับหนังสืออ้างอิงเกี่ยวกับอัญมณีศาสตร์แบบดั่งเดิมทั่วไป คือ ในบทหัวข้อเกี่ยวกับชนิดของอัญมณี ได้มีการ เรียงลำดับชนิดตามลำดับตัวอักษร  มากกว่า การเรียงตามลำดับตามระบบการจำแนกของแร่ธาตุ    
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้อ่านที่ไม่มีความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับแร่ธาตุและธรณีวิทยา  เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น  ประการที่สอง ผู้แต่งได้ใช้ ภาษาและคำศัพท์ที่เข้าใจง่ายเพื่อสื่อสารข้อมูลไปยังผู้อ่าน ซึ่งมีความสนใจเรื่องอัญมณีในระดับต่างๆกัน  ในการอธิบายแนวคิดความเข้าใจในเนื้อหา มักจะแทรกความคิดเห็นจากประสบการณ์ส่วนบุคคลของผู้เขียน เพิ่มเติมเข้าไปด้วย อย่างเช่น  ในบทหัวข้อของมาตราฐาน 4Cs (ความใสClear/ สีColor/ น้ำหนักCarat/ การเจียระไนCutting) ผู้เขียนได้เพิ่ม C5เข้าไปคือคริสตัล/Crytal ซึ่งนับเป็นหัวข้อน่าสนใจที่เพิ่มเติมให้แก่ผู้อ่าน ซึ่งไม่สามารถพบได้จากหนังสือเกี่ยวกับอัญมณีศาสตร์เล่มอื่นทั่วไป  
    และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ในหนังสือเล่มนี้  มีภาพประกอบและภาพออกแบบ
กราฟ ฟิคดีไซด์ ที่สวยงามจนแทบลืมหยุดหายใจ ซึ่งไม่มีพบในหนังสือเกี่ยวกับอัญมณีเพชร พลอย ตามขนบแบบแผนดั่งเดิมเล่มอื่นทั่วไป  ซึ่งผู้อ่านไม่เพียงแต่จะได้รับความรู้ในหัวข้อรายละเอียดเกี่ยวกับอัญมณี รายชนิด แต่ยังได้รับความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับแวดวงตลาดการค้าอัญมณี  นอกจากนี้ผู้เขียนได้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัว ในการเสนอแนะแนวทางที่ดีที่สุด และสิ่งที่ควรคำนึงถึงแก่ผู้อ่านก่อนการตัดสินใจออกไปซื้ออัญมณีหนังสือเล่มนี้ยังเหมาะสำรับผู้ที่อยู่นอกวงการอัญมณีแต่ต้องการเริ่มเข้ามาในแวดวงการค้าอัญมณี และ เนื้อหาในเล่มยังเป็นข้อมูลสำรับทบทวนอันดีเยื่ยมสำรับ ผู้ที่อยู่ในแวดวงการค้าอัญมณีอยู่แล้วอีกด้วย
 ในการพิมพ์ครั้งที่สอง The Secret of the Gem Trade นับว่าเป็นหนังสือ  ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องอัญมณีศาสตร์ เท่าที่ได้มีการการตีพิมพ์ที่ผู้อ่านจะหาได้ในปัจจุบันนี้

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อัญมณีคืออะไร


          อัญมณี เป็นชื่อเรียกวัตถุ ที่เป็นผลึกแร่ธาตุ ที่ตัดแต่งเจียระไนแล้ว ซึ่งธรรมชาติได้รังสรรค์ความงามขึ้น ให้มีความคงทนและมีความงามอยู่เป็นนิรันดร์    อัญมณี หรื รัตนชาติ แบ่งได้เป็นสองประเภท คือ อัญมณีที่เป็นสารอนินทรีย์ ชึ่งก่อเกิดจากการรวมตัว และตกผลึกของแร่ธาตุต่างๆ ในหินเหลวร้อนใต้เปลือกผิวโลก และเย็นตัวลง แร่ธาตุเหล่านั้น ได้เกิดเป็นผลึกที่มีความแข็งและสีสรรค์ ความมันวาว สะท้อนหรือโปร่งแสงในสัดส่วนที่ต่างๆกัน เช่น เพชร หรือพลอยชนิดต่างๆ เช่น ทับทิม ไพลิน โกเมนเขียวส่อง มรกต นิหร่า หยก ควอส โป่งข่าม โอปอล บุษราคัม ฯลฯ  ซึ่งเพรช พลอยต่างๆเหล่านี้ มาจากหลากหลายแหล่งขุดค้นจากภูมิภาคต่างๆในโลก ทั้ง ทวีปแอฟริกา เอเซีย เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ อัญมณี อีกประเภทเกิดจากอินทรีย์สาร เช่น ไข่มุก อำพัน ซึ่งก้อถือเป็นอัญมณีเช่นเดียวกัน

   This Gem is called inorganic mineral crystals. And The subject of inorganic to organic compounds and grinding. The mineral crystal such natural beauty are eternal existance.
 This so called Gems or precious-gems was divided into  two types derived from inorganic subtance  such as ruby sapphire garnet emerald etc. And jewelry made from  organic ingredients as amber and pearl.



 

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แก้วโป่งข่าม

                                         






โป่งข่าม หรือแก้วโป่งข่าม เป็นหินควอสใสอยู่ในตระกูลเดียวกับหินเขี้ยวหนุมาน แต่โป่งข่ามพิเศษตรงที่มีลวดลายและรูปลักษณะต่างๆของสิ่งที่อยู่ด้านในเนื้อใส ซึ่งเกิดจากมลทิลของแร่ชนิดต่างๆที่ปะปนอยู่ภายใน ในไทย โป่งข่ามมีพบแถบอ.เถินจ.ลำปาง และ จ.อุตรดิตถ์และในพม่ามีพบมากในแหล่ง ของเมืองเต่งสะยั๊ต(Thein Zayat)ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของรัฐมอญ(Mon State) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดกับแแม่น้ำซิตตอง(Sittaung River) หรือแม่น้ำสะโตงที่คนไทยรู้จักนั่นเอง    อัญมณีพื้นถิ่นชนิดนี้ต่างจาก การใช้พลอยหรืออัญมณีอื่นทั่วไปเช่น ทับทิม ไพลิน โกเมน เขียวส่อง บุษราคัม นิล เพชร หรือมรกต ซึ่งใช้เน้นเป็นเครื่องประดับ และทรัพย์สินมีค่า ได้มีความเชื่อในกลุ่มชนทางภาคเหนือมาตั้งแต่อดีตว่า แก้วโป่งข่าม หรือโป่งข่าม เป็นแก้วหรือหิน ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในทางป้องกันอันตราย ไสยศาสตร์ เช่นแก้วขนเหล็ก เช่นเดียวกับความเชื่อเกี่ยวกับธาตุกายสิทธิ์ อื่นๆเช่น คต หรือ  เหล็กไหล ชนิดต่างๆ  แก้วโป่งข่าม มีรายละเอียดในเนื้อหินและลักษณะสี ต่างๆกันไปมีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจงลงไปหลายชนิด เช่น แก้วขนเหล็ก แก้วไหมคำ แก้วปวก แก้วเข้าแก้ว แก้วหมอกมุงเมือง แก้วพิรุณฝนแสนห่า แก้วทรายเงิน แก้วทรายคำ แก้วนางขวัญ แก้ววิทูรสีน้ำผึ้ง แก้วแร แก้วมังคละจุฬามณี แก้วสามกษัตริย์ แก้วกาบ เป็นต้น     
เครดิตภาพ www.QuarztandGems.com

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

การเกิดของแร่อัญมณี

                                                    


                     



อัญมณี เพรช พลอย เกิดจากตกผลึกของแร่ธาตุในกลุ่มซิลิเกต คาร์บอร์เนต ซึ่งได้จากการสะสมในชั้นชั้นบรรยากาศของโลกตั้งแต่ในอดีตที่โลกส่วนใหญ่ประกอบด้วยก๊าสคาร์บอนไดอ็อกไซด์ เมื่อถูกน้ำฝนชะล้างน้ำฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์บนบรรยากาศลงมาสะสมบนพื้นดินและมหาสมุทร สิ่งมีชีวิตก้อมีคาร์บอนสร้างธาตุอาหารและร่างกาย แพลงตอนบางชนิดอาศัยซิลิกาสร้างเปลือก เมื่อตายลงจึงทับถมกันเป็นตะกอน ในอดีตเมื่อหินหลอมเหลวใต้ชั้นเปลือกโลกที่มีแร่ธาตุต่างๆถูกดันขึ้นสู่ผิวโลก จากการปะทุของลาวาภูเขาไฟ เมื่อลาวาเย็นตัวลงทำให้แร่ธาตุเหล่านั้นตกผลึก เป็นสายแร่อัญมณี เพชร พลอย หินสีต่างๆ ที่มนุษย์ค้นพบและขุดขึ้นมาทำเครื่องประดับ

                                

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หยกมีสองชนิด jade-Jedite-nephrite

 
   


    หยก(Jade) เป็น อัญมณีที่มีค่าสูง อยู่ในรูปแบบหินก้อนต่างจากอัญมณี หรือ พลอยชนิดอื่นๆที่พลอยดิบจะเป็นผลึกโปร่งแสง  หยกมีสองชนิด คือหยกเนื้อแข็ง(Jedite) กับหยกเนื้ออ่อน(Nephrite)
เจไดต์ (Jadeite) หยกเจไดต์มีความแข็ง 6.5-7 มีองค์ประกอบทางเคมีเป็นโซเดียมอะลูมิเนียมซิลิเกต (NaAl (SiO3)2, Sodium aluminium silicate)มีสีเขียวเข้มสดใส กว่า เนฟไฟรต์ ซึ่่งมี องค์ประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมแมกนีเซียมซิลิเกต (Calcium magnesium silicate)หยกเนฟไฟรต์มีความแข็ง 6-6.5 มีสีมืดมากกว่า พบว่าเกิดจากหินเดิมที่มีธาตุแมกนีเซียมแปรสภาพด้วยความร้อน


  หยกเจไดต์
 

                                      




 .................................................................................................................................


     หยกเนฟไฟรต์





สปิเนล (Spinel)

                                                      
                                              


   

   สปิเนล (Spinel)  เป็นแร่รัตนชาติ มีหลายสี ทั้งแดง ชมพู ม่วง ขาว ฟ้า น้ำเงินเข้ม เหลืองเขียว น้ำตาล ดำ ฯลฯ เป็นพลอยที่พบหลายพื้นที่ เช่น พม่า เวียดนาม ศรีลังกา ทวีปแอฟริกา และ เอเซีย
กลาง มีส่วนประกอบด้วยโมเลกุลของธาตุแม็กเนเซียมและอะลูมิเนียม มีสูตรเคมีว่า MgAl2O4[2] โดยเฉพาะสีแดง จะลักษณะคล้ายทับทิมมาก จนเรียก "ทับทิมสปิเนล" (ruby spinel) ส่วน บาลัส รูบี้ หรือ ทับทิมบาลัส เป็นชื่อเดิมของสปิเนลที่มีสีกุหลาบ สปิเนลมีรูปผลึกชัดแบบออกตระฮีดรอน ระดับความแข็งถึง 8 มีความโปร่งแสง มันวาวคล้ายแก้ว